การแข่งขันกีฬาภายใน กกล.ฉก.๙๘๐ ไทย/ดาร์ฟูร์

               สวัสดีผู้อ่านทุกท่านครับ.....ในฉบับนี้ผมจะพาทุกท่านไปสัมผัสกับบรรยากาศการแข่งขันกีฬาภายใน กกล.ฉก.๙๘๐ ไทย/ดาร์ฟูร์ ที่ได้จัดให้มีการแข่งขันกันขึ้นเพื่อให้กำลังพลได้ผ่อนคลาย หลังจากที่ได้เหน็ดเหนื่อยจากการปฏิบัติภารกิจ ในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นภารกิจรักษาสันติภาพในการพิทักษ์พลเรือน สถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวกการประกันเสรีในเคลื่อนที่ให้กับเจ้าที่ของ UN และองค์กรด้านมนุษยธรรมแล้ว ยังมีการออกลาดตระเวนทั้งกลางวัน กลางคืนและค้างคืน เพื่อเป็นการให้การคุ้มครองความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งการเตรียมการเพื่อต้อนรับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ UNAMID และ UN ที่มาตรวจเยี่ยม นอกจากนี้ยังเป็นการให้กำลังพลได้ออกกำลังกายและทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ โดยใช้กีฬาเป็นสื่ออีกทางหนึ่งด้วยครับ

            

              สำหรับการแข่งขันได้จัดขึ้นในห้วงตั้งแต่วันที่ ๑๖ พ.ย. – ๓๑ ธ.ค.๕๔ มีกีฬาที่ทำการแข่งขัน จำนวน ๕ ชนิด ได้แก่ ฟุตบอล ๙ คน, วอลเล่ย์บอล, เซปัคตระกร้อ,เปตองและการแข่งขันชักกะเย่อทีม ๑๐ คน โดยมีทีมที่เข้าร่วมการแข่งขัน ๖ ทีมด้วยกัน ประกอบด้วย ทีมกองบังคับการกองพัน รวมกับ หมวดปฏิบัติการพิเศษและหมวดระวังป้องกัน, ทีมกองร้อยสนับสนุน, ทีมกองร้อย ยานยนต์ที่ ๑, ทีมกองร้อยยานยนต์ที่ ๒, ทีมกองร้อยยานเกราะ แล้วก็ทีมกองร้อยทหารช่างครับ สำหรับการแข่งขันกำหนดให้แข่งขันแบบพบกันหมดเพื่อหา ทีมที่มีคะแนนอันดับ ๑ - ๒ ของแต่ละประเภท มาชิงชนะเลิศกันในวันสุดท้าย ซึ่งในวันนั้นก็จะมีการแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน อันได้แก่ วิ่งผลัดกระสอบ, วิ่ง ๔ ขา และปิดตาตีปี๊ป ซึ่งได้มีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ ๒ ธ.ค. ๕๔ โดยมี พ.ท.ณรงค์ฤทธิ ปาณิกบุตร ผบ.กกล.ฉก.๙๘๐ ไทย/ดาร์ฟูร์ เป็นประธาน งานนี้สาย ๑ หรือฝ่ายกำลังพลเป็นแม่งานใหญ่ในการจัดการแข่งขันครับ โดยได้แบ่งมอบความรับผิดชอบให้แต่ละกองร้อย รับผิดชอบ ในการจัดการแข่งขันกีฬา แต่ละชนิด

            

              เราแวะเวียนมาที่ฟุตบอล ๙ คน กีฬายอดฮิตกันก่อนครับ ซึ่งกองร้อยยานยนต์ที่ ๑ เป็นหน่วยรับผิดชอบในการจัดการแข่งขัน สำหรับสนามแข่งขันก็ใช้ที่รวมพลประจำวันเป็นสังเวียนฟาดแข้ง เมื่อกรรมการเป่านกหวีดเริ่มการแข่งขัน นักกีฬาต่างก็แสดงฝีเท้ากันเต็มที่ด้วยมุ่งหวังจะนำชัยชนะให้กับทีม ทำเอาฝุ่นฟุ้งกระจายแทบจะไม่เห็นผู้เล่น แม้ว่าจะแข่งขันกันตอน ๖ โมงเย็นแล้วก็ตาม แต่สภาพอากาศก็เหมือนตอนบ่าย ๓ บ้านเรา ทำเอานักกีฬาแต่ละคนต้องหายใจทางปาก ไหนจะร้อน ไหนจะฝุ่น พอพักครึ่ง เวลาแรก นักกีฬาแต่ละคนต่างก็อ่อนละโหยโรยแรงไปตาม ๆ กัน หลังจากที่ได้พักเหนื่อยดื่มน้ำ ดื่มท่าและแก้เกมกันแล้วการแข่งขันครึ่งหลังก็เริ่มขึ้น ฝ่ายที่มีประตูนำอยู่ก็พยายามที่จะทำประตูหนีห่างออกไปเพื่อรับประกันในชัยชนะ ส่วนฝ่ายที่ถูกนำ ต่างก็เร่งฝีเท้าเพื่อทำประตูตีเสมอ ทำให้ในช่วงท้าย ๆ การแข่งขันเกมการแข่งขันสนุกตื่นเต้น เร้าใจ ทำเอาผู้ชมและกองเชียร์ลุ้นกันตัวโก่ง เมื่อจบการแข่งขันฝ่ายชนะก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่ ฝ่ายที่พ่ายแพ้ก็ต้องผิดหวังเป็นเรื่องธรรมดา ท่านผู้อ่านครับถึงแม้ว่าในสนามนักกีฬาทุกคนจะมุ่งมั่นในชัยชนะ พร้อมทั้งได้แสดงฝีเท้าในการแข่งขันกันอย่างเต็มที่ บางครั้งอาจจะมีการ ปะทะหรือกระทบกระทั่งกันบ้างในเกมการแข่งขัน แต่เมื่อจบการแข่งขันแล้วนักกีฬาทั้งสองฝ่ายต่างก็จับไม้จับมือขอโทษขอโพยกัน เป็นภาพที่ น่าประทับใจมาก ๆ ครับ

            

               ไปดูกีฬาวอลเล่ย์บอลกันบ้างครับ โดยมีกองร้อยยานยนต์ที่ ๒ เป็นหน่วยรับผิดชอบในการจัดการแข่งขัน สนามแข่งขันก็จัดหาพื้นที่ว่าง ๆ หน้าห้องออกกำลังกาย สภาพสนามก็เหมือนกับสนามฟุตบอลนั่นแหละครับ ก่อนทำการแข่งขันก็ต้องเอารถน้ำมาฉีดน้ำไล่ฝุ่น เพื่อไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจายไปรบกวนกำลังพลที่ออกกำลังกายอยู่ การแข่งขันทุกนัดผู้ชม ล้นความจุของสนามตลอด (ที่นั่งก็หาเอาเองตามอัธยาศัยครับ) ฝีไม้ลายมือนี่ไม่ต้องห่วงบางคนนี่ ผ่านการแข่งขันระดับกองทัพ ระดับชาติมาแล้ว ทำให้เกมการแข่งขันสนุก ตื่นเต้น เร้าใจ สร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับผู้ชมได้ตลอดเวลา แวะไปดูกีฬาเซปัคตระกร้อ ที่ทางกองร้อยทหารช่างดำเนินการจัดการแข่งขันกันหน่อย สนามแข่งขันนี่ขอบอกว่าเป็น สนามปูนสนามเดียวใน กกล.ฉก.๙๘๐ ไทย/ดาร์ฟูร์ (อันนี้ต้องยกให้ทหารช่างเขาล่ะ เพราะพร้อมด้วยเครื่องมือ อุปกรณ์และบุคลากร) เกมการแข่งขันก็เข้มข้นไม่แพ้กีฬาประเภทอื่นเลย ลูกฟาด ลูกบล็อก ลูกชงขม ชงหวาน นี่มีหมดเลยครับ แม้แต่ลูกเสิร์ฟหลังเท้าก็ลอกเลียนแบบ สืบศักดิ์ ผันสืบ มาได้ไม่มีที่ติ

                

               หันไปดูกีฬาเปตองทีม ๓ คน ที่กองร้อยยานเกราะเขาจัดแข่งขันฝั่งตรงข้ามแหล่งรวมรถกันบ้าง ได้ยินเสียง ตี ตี ลั่นสนามไปหมด กีฬาประเภทนี้เขาเล่นท่ามกลางแสงไฟครับ คู่ไหนที่ฝีมือสูสีกันกว่าจะได้แต่ละแต้มนี่ก็กินเวลาไปเยอะ เลยทีเดียว นักกีฬาแต่ละคนเดินไปเดินมาถ้านับคงได้ไกลหลายกิโล บางวันกว่าที่จะรู้ผลแพ้ชนะกันก็ตก ๔ – ๕ ทุ่ม จนผู้ชมต้องหนีไปพักผ่อน เพราะต้องออกลาดตระเวนตั้งแต่เช้าส่วนกีฬาสุดท้ายชักกะเย่อทีม ๑๐ คน โดยกองร้อยสนับสนุนเป็นผู้รับผิดชอบ สถานที่ก็ใช้สนามฟุตบอลนั่นแหล่ะครับเป็นที่ประลองความแข็งแกร่ง ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่ต้องใช้พละกำลังและความสามัคคี ร่วมแรง ร่วมใจ ของคนในทีมมากที่สุด นักกีฬาของแต่ละกองร้อยที่คัดกันมาแต่ละคนนี่น้อง ๆ ยักษ์ทั้งนั้น เสียงฮุ่ย เร่ ฮุ่ย พร้อมกับเสียงให้จังหวะดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณ ส่วนนักกีฬา ก็เค้นเอาพลังออกมากันเต็มที่ เพื่อดึงเชือกให้เลยเส้นชัย กว่าจะรู้ผลแพ้ชนะนักกีฬาแต่ละคนต่างก็ยืนหอบตัวโยน บางคนก็ได้แผลจากเชือกเป็นที่ระลึกพอปวดแสบปวดร้อนกันบ้างล่ะ

            

               ท่านผู้อ่านครับสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการแข่งขันกีฬาทุกชนิดก็คือ กองเชียร์ ที่ทั้งสองทีมต่างก็ได้ขนกันมาเกือบหมดกองร้อย ต่างก็ส่งเสียง เชียร์กันสุดฤทธิ์ เสียงกลอง ฉิ่ง ฉาบ ประกอบการร้องรำทำเพลง ทำให้บรรยากาศการเชียร์เป็นไปด้วยความสนุกสนาน สร้างสีสันให้กับการแข่งขันได้มากทีเดียว ท่านผู้อ่านคงจะได้ทราบแล้วว่า “กีฬา” นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรง เป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และเสริมสร้างความสามัคคีใน หมู่คณะแล้ว ยังสอนให้มีน้ำใจนักกีฬา รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย อีกด้วย ขณะที่ผู้เขียนปั่นต้นฉบับอยู่นี้ ก็ยังไม่ทราบผลว่าทีมใดจะได้ครองตำแหน่งชนะเลิศในกีฬา ในแต่ละประเภท ในโอกาสต่อไปจะได้นำผลการแข่งขันมาแจ้งให้ทราบต่อไป หรือจะติดตามทางเฟสบุ๊คของ “ ทีมข่าวภาคสนาม ไทย/ดาร์ฟูร์ ผลัดที่ ๒ ” ของเราก็ได้น่ะครับ พบกันในใหม่ในฉบับหน้าครับ.......สวัสดีครับ

           

โดย จ.ส.อ.สมชาย แสงกาวิน ( ทีมข่าวภาคสนาม กกล.ฉก.๙๘๐ ไทย/ดาร์ฟูร์ ผลัดที่ ๒ )