หลายท่านคงไม่ค่อยคุ้นเคยกับ PDF File และคงจะงงว่า คืออะไร แต่ท่านที่ค้นคว้าหาข้อมูลจาก Internet เป็นประจำ จะคุ้นเคยกับ File ประเภทนี้ดี เพราะเขาเรียก File ประเภทนี้ว่า Electronic Paper หรือกระดาษอิเล็กทรอนิกส์ สาเหตุที่เรียกเช่นนี้ เนื่องจาก File ประเภทนี้เป็น File ที่ไม่ใหญ่นัก สามารถที่จะแสดงบน web ได้ในรูปเอกสาร ที่มีทั้งข้อความและรูปภาพ (แต่ความเป็นจริงแล้ว เอกสารดังกล่าว ถูกแปลงเป็น Graphic เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงไม่สามารถนำไปดัดแปลงหรือแก้ไขข้อความได้)
                ด้วยคุณสมบัติพิเศษ ที่มีขนาดไม่ใหญ่นักและสามารถแสดงบน web ได้ จึงได้รับความนิยมค่อนข้างมากในการนำมาใช้กับ webpage ในรูปขอเอกสารที่ท่านผู้ใช้ web สามารถ Download ไปศึกษาได้ทันที
                เหตุผลที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่มีผู้นิยมใช้มากก็คือ ส่วนมากเอกสารต่างๆ เรามักจะพิมพ์และจัดเก็บไว้แล้วในรูปของ Document (โดยใช้โปรแกรมประเภท Word Processing เช่น MS Word) ซึ่ง Fileที่เก็บไว้นี้ เราสามารถนำมาแปลงเป็น PDF File ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น แทนที่เราจะต้องมาสร้าง webpage ใหม่ ในรูปแบบ HTML จากเอกสารที่มีอยู่แล้ว เพื่อเผยแพร่บน web เราก็ใช้วิธีการแปลงเป็น PDF File เพื่อเผยแพร่บน Web ซึ่งสะดวกและรวดเร็วกว่ากันเยอะเลย

                รู้จักเอกสาร PDF

                เอกสาร PDF (Portable Document Format) เป็นเอกสาร e-Book (Electronics Book) รูปแบบหนึ่ง ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน โดยเฉพาะการนำเสนอผ่าน WWW โดยเป็นรูปแบบของเอกสารที่พัฒนาโดย http://www.adobe.com/products/acrobat/main.html เนื่องจากเอกสารลักษณะนี้ มีรูปแบบ และการจัดหน้ากระดาษ เหมือนเอกสารต้นฉบับทุกประการ มีขนาดไฟล์ไม่โตมากนัก ทำงานข้ามระบบ (Cross Platform) ได้ ทำให้เอกสารนี้เป็นอิสระจากซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และระบบปฏิบัติการ (OS) กล่าวคือ เอกสาร PDF สร้างได้ทั้งจากเครื่องคอมพิวเตอร์ระบบ Macintosh และ PC และสามารถเรียกดูร่วมกันได้นั่นเอง

                คุณสมบัติของ PDF
                1 Adobe Imaging Model
                PDF นำเสนอข้อความและรูปภาพ โดยใช้หลักการเดียวกับ PostScrpt Language คือ การวางรูปไปบนพื้นที่ ที่ต้องการ โดยที่รูปสามารถเป็นรูปทรงอะไรก็ได้ ขนาดเท่าไรก็ได้ สีอะไรก็ได้
                PostScrpt Language คือ ภาษาคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่ง ที่ใช้ในการบรรยายลักษณะที่ปรากฏของเอกสาร รวมทั้งข้อความ และกราฟิกไปยังเครื่องพิมพ์ หรือ Output Device อื่นๆ)
                2 Portability
                ไฟล์ PDF เป็นไฟล์ไบนารี ขนาด 8 บิต ทำให้มั่นใจว่าสามารถส่งผ่าน non-binary channel โดยปราศจากความเสียหายใดๆ
                3 Compression
                ไฟล์ PDF สนับสนุนมาตรฐานการลดขนาดไฟล์ต่างๆ ดังนี้
                JPEG ย่อรูปสี และ Grayscale
                CCITT Group3, CCITT Group4, LZW (Lempel-Ziv-Welch) และ Run Length ในการย่อรูปภาพแบบ Monochrome
                LZW และ Flate ในการย่อข้อความ กราฟิก และดัชนีของรูปภาพ
                4 Font Independence
                ไฟล์ PDF บรรจุลักษณะรูปแบบตัวอักษร (Font Descriptor) สำหรับแต่ละฟอนต์ที่ใช้ในเอกสาร โดยลักษณะของฟอนต์นี้ ได้รวมชื่อฟอนต์ (Font name) รูปแบบตัวอักษร (Character metric) และรูปแบบข้อมูล (Style information) เอาไว้ อันนี้รายละเอียดจำเป็นสำหรับการจำลองฟอนต์ที่หายไป
                5 Single Pass File Generations
                เนื่องด้วยข้อจำกัดของหน่วยความจำ หรือการไม่สามารถเปิดไฟล์ temporary ทำให้ไฟล์ PDF ได้พัฒนาในจุดนี้ โดยในขณะที่ PDF ต้องการวัตถุที่แน่นอนเพื่อบรรจุจำนวนความยาวที่ชัดเจน ในหน่วยไบต์ จะมีกลไกจัดเตรียมพื้นที่สำหรับการ locate หลังวัตถุในไฟล์ แล้วรายละเอียดอื่นๆ อย่างเช่นเลขหน้า ก็จะถูกใส่ลงไปหลังจากหน้านั้นถูกเขียนเรียบร้อย
                6 Random Access
                ไฟล์ PDF บรรจุ Cross-reference table ไว้ท้ายไฟล์ เพื่อการเข้าถึงตำแหน่งต่างๆ ภายในไฟล์ได้อย่างอิสระ ไม่ทำให้เสียเวลาในการเรียกดูหน้าเอกสารทีละหน้า
                7 Incremental Update
                เอกสาร PDF ไม่ต้องเสียเวลาในการเขียนซ้ำ (Rewrite) ที่นาน เพราะเวลาที่มีการปรับปรุง หรือจัดเก็บ จะเป็นการเพิ่มเติมวัตถุ ที่ถูกแก้ไข หรือต่อเติมรวมทั้งปรับปรุง cross-reference table เท่านั้น
                8 Extensibility
                สามารถพัฒนาเพิ่มเติมคุณสมบัติภายหลังได้สะดวก
                บทความนี้จะแนะนำเกี่ยวกับการสร้างเอกสาร PDF โดยท่านจะต้องมีโปรแกรม Adobe Acrobat 4.0 ขึ้นไปติดตั้งในเครื่องก่อน

                โปรแกรม Adobe Acrobat                 

                โปรแกรม Adobe Acrobat เป็นชุดโปรแกรมจากค่าย Adobe ซึ่งทำงานกับไฟล์เอกสาร PDF โดยปัจจุบันได้พัฒนาถึง Version 6.0 และประกอบด้วยโปรแกรมย่อยๆ ดังนี้
                     • ชุดโปรแกรมจำหน่าย รวมโปรแกรมต่างๆ เอาไว้เป็นชุดเดียวกัน ทำให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบถ้วน ทั้งการสร้าง แก้ไข และอ่านเอกสาร PDF
                     • Acrobat Reader โปรแกรมเล็กๆ แจกฟรี เพื่อใช้อ่านเอกสาร PDF
                     • Acrobat Exchange โปรแกรมหลักที่ใช้ในการสร้าง และติดต่อเอกสารกับ Adobe Acrobat 3
                     • Acrobat Distriller โปรแกรมใช้ในการแปลงไฟล์ระหว่าง PostScript กับ PDF
                     • Acrobat PDF Writer โปรแกรมสำหรับแปลงไฟล์ชนิดอื่นๆ เช่น Word Format เป็นเอกสาร PDF ทำงานได้เร็วแต่คุณภาพด้อยกว่า Distriller
                     • Acrobat Capture โปรแกรมแปลงกระดาษให้เป็นไฟล์ PDF
                     • Acrobat Catalog โปรแกรมใช้ในการทำ Index เพื่อค้นหาเอกสาร PDF
                ข้อมูลเพิ่มเติม ศึกษาได้จากเว็บไซต์ http://www.adobe.com/

                การเตรียมพร้อมก่อนสร้างเอกสาร
                หลังจากติดตั้งโปรแกรม Adobe Acrobat แล้ว จำเป็นจะต้องติดตั้งเครื่องพิมพ์ระบบ PostScript ก่อน โดยไปที่ปุ่มเมนู Start, Setting, Printers...


รูปที่ 1

จากนั้นให้ Add Printer ที่มีระบบการพิมพ์แบบ PostScript สังเกตุได้จากคำลงท้ายว่า PostScript หรือ PS เช่น
หมายเหตุ ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องพิมพ์จริงต่อกับคอมพิวเตอร์

 

                การสร้างเอกสาร PDF จากโปรแกรม Microsoft Office วิธีที่ 1

                โปรแกรมในกลุ่ม Microsoft Office ไม่ว่าจะเป็น Word, Excel หรือ PowerPoint ต่างก็มีวิธีการสร้างเอกสาร PDF ลักษณะเดียวกัน คือ
                        • เปิดไฟล์เอกสารที่เตรียม
                        • เลือกเมนูคำสั่ง File, Print...
                        • เลือกเครื่องพิมพ์เป็น เครื่องพิมพ์ระบบ PostScript ที่ติดตั้งไว้
                        • คลิกเลือกรายการ Print to file...


รูปที่ 2

        • คลิกปุ่ม OK กำหนดชื่อไฟล์ โดยโปรแกรมจะให้นามสกุลเป็น .prn
        • ทำซ้ำกับไฟล์เอกสารอื่นๆ ที่ต้องการ โดยเปลี่ยนชื่อไฟล์ .prn

                การลงแปลงไฟล์ .prn เป็น PDF Format
                เมื่อได้ไฟล์ .prn แล้วขั้นตอนต่อไป ก็จะเป็นขั้นตอนการสร้างไฟล์ PDF โดยอาศัยโปรแกรมที่ชื่อว่า Adobe Distriller โดยให้เรียกโปรแกรม Distriller ขึ้นมา ซึ่งมีลักษณะจอภาพ ดังนี้


รูปที่ 3

จากนั้นเรียกคำสั่ง File, Open... เพื่อเปิดไฟล์ .prn ที่สร้างไว้ ดังภาพ


รูปที่ 4


                โดยจะต้องเลือกรายการ File of type เป็น All files ด้วย จากนั้นเมื่อคลิกปุ่ม Open โปรแกรมจะแสดงหน้าจอให้ตั้งชื่อเอกสารใหม่ ซึ่งมีนามสกุลเป็น .pdf ดังนี้


รูปที่ 5

                ให้พิมพ์ชื่อไฟล์ โดยไม่ต้องระบุนามสกุล เพราะโปรแกรมจะใส่ .pdf ให้อัตโนมัติ
                เมื่อคลิกปุ่ม OK ให้รอสักครู่ โปรแกรมจะทำการแปลงเอกสาร .prn เป็น .pdf ซึ่งสามารถนำไปใช้งานได้โดยอาศัยโปรแกรม Acrobat Reader
                ลองหาโปรแกรม Adobe Acrobat ชุดเต็มมาทดลองสร้างเอกสาร PDF ดูสิครับ แล้วจะประทับใจกับเอกสารชุดนี้

..................................................................................
ที่มา: http://www.nectec.or.th/courseware/internet/pdf-file/index.html

                การสร้างเอกสาร PDF จากโปรแกรม Microsoft Office วิธีที่ 2
                นอกจากวิธีการดังกล่าวแล้วยังมีอีกวิธีหนึ่ง ที่เป็นการแปลงจากโปรแกรม MS Word โดยตรง ซึ่งทำได้ไม่ยาก เราลองมาทำกันเลยนะครับ ในตัวอย่างนี้ จะดำเนินการแปลงเอกสารที่พิมพ์ไว้ด้วยโปรแกรม MS Word แล้วแปลงเป็น PDF File
                ขั้นแรก   เราต้องติดตั้งโปรแกรม Adobe Acrobat ลงในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราก่อนนะครับ ซึ่งกระบวนการ และวิธีการติดตั้ง จะไม่ขอกล่าวในที่นี้นะครับ (อ้อ ต้องติดตั้งโปรแกรม Adobe Acrobat นะครับ ไม่ใช่ Acrobat Reader) เมื่อติดตั้งโปรแกรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้เปิดโปรแกรม MS Word จะปรากฏ Icon ของโปรแกรม Acrobat เกิดขึ้นที่ บริเวณ Toolbar ของโปรแกรม MS Word ครับ ดังรูปที่ 6 (แต่อาจจะอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกันไปนะครับ ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในตำแหน่งดังรูปที่ 1 เสมอไป)



รูปที่ 6


                ต่อจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการแปลงเอกสาร ที่เป็น Document File (จากโปรแกรม MS Word) ให้เป็น PDF File กันเลยครับ
ขั้นที่ 1 เปิด เอกสารที่ต้องการแปลงเป็น PDF File

                ขั้นที่ 2 แปลง File โดยการคลิกเมาส์ที่เครื่องมือ รูปโปรแกรม Acrobat (ตามรูปที่ 6) จะปรากฏกรอบการสร้าง PDF ตามรูปที่ 7

                ขั้นที่ 3 สร้าง PDF File โดยการคิกเมาส์ที่ปุ่ม Create (ดังรูปที่ 7)



รูปที่ 7

                เมื่อคลิกเมาส์ โปรแกรมจะเริ่มทำงานไปทีละขั้นตอน ตามรูปที่ 8 และรูปที่ 9 โดยในรูปที่ 9 จะแสดงว่า ได้ดำเนินการเสร็จไปแล้วกี่เปอร์เซ็นต์



รูปที่ 8



รูปที่ 9

                ขั้นที่ 4 เปิดโปรแกรม Adobe Acrobat เมื่อดำเนินการเสร็จ โปรแกรมก็จะเปิด File ที่ สร้างเสร็จขึ้นมาแสดงให้เห็น

                เห็นไหมครับ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเลย เท่านี้เราก็ได้ PDF File ที่พร้อมจะใช้งาน โดยการเผยแพร่ผ่านทาง website ของเราแล้ว ที่เล่ามานี้ เป็นความสามารถส่วนหนึ่งจากอีกหลายส่วนของโปรแกรม Adobe Acrobat ถ้าท่านสนใจก็ไปศึกษาดูนะครับ ที่กล่าวมานี้ นำมาประยุกต์ใช้ เฉพาะเรื่องการแปลงเอกสารจาก Document File เป็น PDF File เท่านั้นครับ หรือ อีกวิธีใช้ โปรมแกรมอื่นในการแปลงไฟล์สามารถ Download ได้ที่นี่ ....

Download :: โปรแกรมแปลงเอกสารเป็น ไฟล์ PDF :: โปรแกรมแปลง ไฟล์ PDF เป็นเอกสาร Word  :: Adobe Reader ::



 

ที่มาข้อมูลจากหอมรดกไทย :: http://www.heritage.thaigov.net

ส่วนปฏิบัติการฯ ศทท.กช.
จัดทำ และเผยแพร่โดย  :  ส่วนปฏิบัติการฯ ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลสารสนเทศ  กรมการทหารช่าง  ค่ายภาณุรังษี   อ.เมือง  จ.ราชบุรี  ๗๐๐๐๐
โทรศัพท์ ๐ - ๓๒๓๓ - ๒๕๒๒  , ทบ. ๕๓๑๐๕
       E-Mail ::  info@tahanchang.com , webmaster@tahanchang.com